MP3 Players around The world

Toys and Games

Google Search Box

Google
Web www.cnn.com
Get This Search Box

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ถุงผ้า...เทรนด์ของคนรักโลก

ถุงผ้า งานดีไซน์ระดับโลก
ด้วยความเกี่ยวโยงกับการลดปัญหาโลกร้อน เรื่องราวของถุงผ้าในทุกวันนี้จึงกลายเป็นเทรนด์ที่กำลังฮอตอย่างยิ่ง ในหมู่ดีไซเนอร์ระดับโลก และได้รับความนิยมไปอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ใช้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ถุงผ้าก็ได้กลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตของสาวๆ นักช้อปที่ต้องการร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนด้วย ซึ่งถุงผ้าของที่นี่ มีหลากแบบ หลายราคา ทั้งราคาย่อมเยาไปจนถึงแพงลิบลิ่ว ซึ่งเป็นแบรนด์เนมชื่อดัง ที่มีการดีไซน์ออกมาได้อย่างเก๋ไก๋ เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบงานแฟชั่นอย่างแท้จริง เรียกได้ว่า สะพายถุงผ้า ทั้งเก๋ เท่ และช่วยกู้โลกได้ ในคราวเดียวกัน
สำหรับแบรนด์ที่ทยอยตบเท้าผลิตถุงผ้ามาจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ก็มีแบรนด์ดังต่างๆ อย่าง Hermes, Stella McCartney, Consuelo Castiglioni อย่างถุงผ้าของ Hermes ซึ่งเป็นแฟชั่นแบรนด์เนมระดับไฮเอ็นด์แห่งปารีส มหานครแฟชั่นของโลก รุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆ เป็นรุ่นทำจากผ้าไหม จำหน่ายด้วยราคา 960 เหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 35,000 บาท และรุ่นล่าสุด Silky Pop ซึ่งเป็นกระเป๋าผ้าไหมลวดลายสวยงามที่สามารถพับเก็บในกระเป๋าหนังสี่เหลี่ยมมีซิปปิดมิดชิด คนไทยได้มีโอกาสครอบครองกันแล้วที่ร้านแอร์เมส สาขาเอ็มโพเรี่ยม และสยามพารากอน ส่วนแบรนด์ Consuelo Castiglioni ถุงผ้าทำจากผ้าไนลอน ราคา 843 เหรียญ-สหรัฐฯ หรือประมาณ 28,000-29,000 บาท แบรนด์ของ Stella McCartney ผลิตกระเป๋าจากผ้าใบออร์แกนิก ราคา 495 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 17,000 บาท หรือที่ญี่ปุ่นก็มีแคมเปญรณรงค์ต่อต้านภาวะโลกร้อน โดยใช้ตุ๊กตาบาร์บี้ในชุดสวยงาม ถือถุงผ้าสีชมพูแทนถุงพลาสติกระหว่างการไปช้อปปิ้ง


ไม่จบเพียงแค่นั้น ความฮิตของถุงผ้ายังระบาดไปทั่ว ด้วยข้อความสั้นๆ บนถุงแค่เพียงคำว่า ‘I’m Not a Plastic Bag’ บนกระเป๋าผ้าของดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ Anya Hindmarch (อันย่า ฮินด์มาร์ช) ที่เลื่องลือระบือไกลไปทั่วโลกและได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเมื่อวันเริ่มเปิดขาย ลูกค้ามากมายไปเข้าคิวหน้าห้าง เซนส์บิวรี 450 สาขาทั่วเกาะอังกฤษ ตั้งแต่ตีสองของคืนวันก่อนจำหน่าย เพื่อรอซื้อกระเป๋าผ้าฝ้ายของอันยา ในราคาใบละ 5 ปอนด์ (350 บาท) และกระเป๋าถูกขายหมดเกลี้ยง 20,000 ใบภายในชั่วโมงเดียว หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง กระเป๋าก็ถูกนำไปประมูลขายในเว็บไซต์อีเบย์ โดยราคาพุ่งขึ้นเป็นกว่า 200 ปอนด์ (14,000 บาท) แต่อย่างไรก็ตาม จากการเปิดจำหน่ายกระเป๋าผ้าฝ้ายของฮินด์มาร์ชนี้ ก็มีขึ้นพร้อมการเปิดเผยสถิติว่า คนอังกฤษยังคงใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยปีละ 167 ใบต่อคนหรือ 10,000 ล้านใบ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว


วิธีแก้ปัญหาโลกร้อน ...แบบง่ายๆที่ทุกคนทำได้




1. เปลี่ยนหลอดไฟ จากหลอดกลมหันมาใช้หลอดตะเกียบแทนเชื่อไหมว่าลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

2. ขับรถน้อยลง หันมาเดิน ขี่จักรยาน บริการขนส่งมวลชนหรือเลือกติดรถเพื่อน ทางเดียวกันไปด้วยกัน แค่นี้ ก็สามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้1 ปอนด์ทุกๆ 1 ไมล์ที่เราลดการขับขี่

3. รีไซเคิลของให้มากขึ้น แค่รีไซเคิลขยะในบ้านเพียงครึ่งหนึ่งก็ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง2,400 ปอนด์ต่อปี

4. เช็คลมยาง รักษาระดับลมยางให้เหมาะสมช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้ถึง 3% และการประหยัด น้ำมันในทุกๆแกลลอน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้20 ปอนด์

5. ใช้น้ำร้อนน้อยลง เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นแต่ละครั้งใช้พลังงานจำนวนมากอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นน้อยลง และ อย่าเปิดฝักบัวแรงสุดลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี การเลือกซักผ้าในน้ำธรรมดาช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง500 ปอนด์ต่อปี

6. เลี่ยงซื้อสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์สิ้นเปลืองลดขยะได้ 10% ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,200 ปอนด์ต่อ ปี

7. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมปรับตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ 25 องศา ช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ได้โข

8. ปลูกต้นไม้ ต้นไม้ 1 ต้นดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง1 ตัน

9. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า แค่เพียงปิดโทรทัศน์เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์หรือเครื่องใช้ไฟ ฟ้าอื่นๆ เมื่อไม่ใช้ช่วยโลกลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นพันๆปอนด์ต่อปี

10. ปฏิบัติและบอกต่อ ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน(Global Warming)...เรื่องร้อนๆที่ทุกคนควรรู้

โลกร้อน คืออะไร ?
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก ครับ (Greenhouse gases)ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสำคัญกับโลก เพราะก๊าซจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และ ตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่ม ีบรรยากาศ กรองพลังงาน จาก ดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของ เรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ครับ
แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ CO2 ที่ออกมาจาก โรงงานอุตสาหกรรม รถยนตร์ หรือการกระทำใดๆที่เผา เชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณ CO2 ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วน ใน ล้านส่วน) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 แสนปี
ซึ่ง คาร์บอนไดออกไซด์ ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบัน
สำหรับภาพของผลกระทบ จากภาวะโลกร้อน สามารถดูได้จากลิ้งค์ในหน้านี้ครับ http://www।whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/


ภาวะโลกร้อน หรือสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง กำลังบอกเราว่า ไม่มีสัญญาณว่าโลกจะเย็นขึ้นแต่อย่างใด
นี่คือความจริงที่ว่า ทำไมมันถึงเกิดขึ้น อะไรคือสาเหตุ และมีผลกระทบกับโลกนี้อย่างไร

ภาวะโลกร้อน กำลังเกิดขึ้น ?
ใช่แน่นอน โลกกำลังแสดงสัญญาณหลายอย่างว่า ภาวะอากาศ กำลังเปลี่ยนแปลง

- อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0।8 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี १.880 และส่วนมากเพิ่มขึ้นในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จากข้อมูลของสถาบันวิจัยอวกาศกอดดาร์ดส์แห่งนาซา
- อัตราการเพิ่มของอุณหภูมิกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2 ทศวรรษในศตวรรษที่ 20 มีปีที่ร้อนที่สุด ในรอบ 400 ปี และเป็นไปได้ว่าที่สุดในรอบ 1000 ปี จากข้อมูลของ IPCC ระบุว่า ใน ปีที่ผ่านมา มี 11 ปีเป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่ปี 1850
- อาร์กติกได้รับผลกระทบมากที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยในอลาสกา แคนาดาตะวันตก และรัสเซียตะวันออก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานของ multinational Arctic Climate Impact Assessment ช่วงปี 2000-2004
-น้ำแข็งในอาร์กติก กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และอาจไม่มีน้ำแข็งอีกเลย ในฤดูร้อน ปี 2040 หรือเร็วกว่า
http://news।nationalgeographic।com/news/2006/12/061212-arctic-ice.htmlชาวพื้นเมืองและหมีขั้วโลกก็กำลังเผชิญกับภัยนี้เช่นกัน
-ธารน้ำแข็ง และหิมะบนภูเขา ได้ละลายอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นธารน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติมอนทาน่า ปัจจุบันเหลือเพียง 27 ธารน้ำแข็งจาก 150 เมื่อปี 1910http://news।nationalgeographic.com/news/2004/12/photogalleries/global_warming/
-ปะการัง ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุณหภูมิน้ำ ได้ตายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 1998 ปะการังกว่า 70% ขาวซีดในบางพื้นที่ http://news।nationalgeographic.com/news/2006/05/warming-coral.html
-ภาวะอากาศแปรปรวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น คลื่นความร้อนพายุ และการเกิดไฟป่า

มนุษย์เป็นตัวการหรือ ?
จากรายงานของ IPCC มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยรายงานนี้จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 2500 คนใน 130 ประเทศ ได้สรุปว่า มนุษย์เป็นตัวการของสาเหตุเกือบทั้งหมด ที่ทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน


-การทำอุตสาหกรรม การตัดไม้ทำลายป่า และการปล่อยมลพิษอย่างมหาศาล ได้เพิ่มความเข้มข้นของไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนไว้ทั้งสิ้น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่าโลกร้อนเกิดได้อย่างไร ที่http://green।nationalgeographic।com/environment/global-warming/gw-overview-interactive।html)
-มนุษย์กำลังเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ มากกว่าที่ต้นไม้และมหาสมุทรสามารถรับได้ http://news.nationalgeographic.com/news/2007/05/070517-carbon-oceans.html
-ซึ่งก๊าซเหล่านี้จะอยู่ในบรรยากาศไปอีกนาน หมายความว่าการหยุดปล่อยก๊าซเหล่านี้ ไม่สามารถหยุดภาวะโลกร้อนได้ทันที http://news।nationalgeographic.com/news/2005/03/0317_050317_warming.html
-ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนเกิดเป็นวัฎจักรสม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังโลก และเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในรอบเวลานับแสนปี แต่การเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแค่เป็นร้อยปี จึงมีผลการวิจัยที่หักล้างทฤษฎีดังกล่าวออกมา
http://news.nationalgeographic.com/news/2006/09/060913-sunspots.html

อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ?
- รายงานของ IPCC ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า ในอนาคต อาจเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำ และภัยพิบัติต่อสัตว์ป่า
- ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นระหว่าง 7-23 นิ้ว ซึ่งระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 4 นิ้วก็จะเข้าท่วมเกาะ และพื้นที่จำนวนมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-ผู้คนนับร้อยล้านที่อยู่ในระดับความสูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล อาจะต้องย้ายถิ่น โดยเฉพาะในสหรัฐ รัฐฟลอริดา และหลุยส์เซียนาก็เสี่ยงเช่นกัน http://news।nationalgeographic.com/news/2006/03/0323_060323_global_warming.html
- ธารน้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำจืดได้
- พายุที่รุนแรง ภาวะแห้งแล้ง คลื่นความร้อน ไฟป่า และภัยธรรมชาติต่างๆ จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติ ทะเลทรายจะขยายตัวทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารในบางพื้นที่
-สัตว์นับล้านสปีชี่ส์ จะสูญพันธุ์ จากการไม่มีที่อยู่ ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลง และน้ำทะเลเป็นกรด http://news।nationalgeographic.com/news/2004/01/0107_040107_extinction.html
-การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทร อาจเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้เกิดยุคน้ำแข็งย่อยๆ ในยุโรป และภาวะอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่ http://news.nationalgeographic.com/news/2005/11/1130_051130_ice_age.html
-ในอนาคต เมื่อภาวะโลกร้อนอยู่ในขั้นที่ควบคุมไม่ได้ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Positive Feedback Effect ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ถูกเก็บ อยู่ในส่วนชั้นน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย (Permafrost) และ ใต้ทะเลออกมา หรือคาร์บอนที่ถูกน้ำแข็งกับเก็บไว้ ส่งผลให้ภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จาก National Geographic Global Warming Fast Fact
http://news.nationalgeographic.com/news/2004/12/1206_041206_global_warming.html